|
ฝรั่งไต้หวันที่ชื่อว่าพันธุ์ “ฮ่องเต้” ลักษณะของผลมีความแตกต่างจากฝรั่งพันธุ์เจินจูตรงที่
ทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่ี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่จะมีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า 500 กรัม
เนื้อมีรสชาติหวานกรอบและเมล็ดน้อยมาก ที่สำคัญเป็นสายพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่าย ในขณะที่พันธุ์เจินจูจะมีผลทรงกลมมนและมีหกเหลี่ยม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของสายพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด
ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่าการปลูกฝรั่งไร้เมล็ดมักจะพบปัญหาในเรื่องของการติดผลซึ่งส่วนใหญ่จะติดผลน้อยและเนื้อค่อนข้างแข็ง
จริงอยู่ฝรั่งพันธุ์บางกอกแอปเปิ้ลซึ่งเป็นฝรั่งไร้เมล็ดในอดีตที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดแต่ติดผลยากที่สุดเช่นกัน ในขณะเดียวกันได้มีการนำเมล็ดพันธุ์ฝรั่งฮ่องเต้มาบริโภค และได้นำเมล็ดมาเพาะโดยมีวัตถุประสงค์แรกเพื่อจะใช้ทำต้นตอ
และนำไปทาบกิ่งกับฝรั่งพันธุ์ฮ่องเต้ เพื่อจะได้ต้นพันธุ์ที่มีรากแก้ว เมล็ดส่วนหนึ่งได้นำไปปลูกแซมในสวนมะนาวพันธุ์แป้นดกพิเศษ
เพื่อตรวจสอบดูว่าจะมีฝรั่งต้นใดกลายพันธุ์มาดีกว่าพันธุ์ฮ่องเต้หรือไม่
ผลปรากฏว่ามีฝรั่งอยู่ต้นหนึ่งปลูกด้วยเมล็ดมีอายุต้นเพียง 4-5 เดือนเศษ เริ่มออกดอกและติดผลดกมาก - ได้มีการทดลองห่อผลเหมือนกับการห่อฝรั่งในไต้หวัน เพื่อตรวจสอบคุณภาพ เมื่อผลแก่พบว่า
ฝรั่งมีผลเป็นทรงกลมคล้ายพันธุ์เจินจู มีผิวขาวนวล น่ารับประทาน ที่สำคัญ เนื้อละเอียด และเนื้อไม่แข็ง เมล็ดน้อย รสชาติหวาน
ความหวานน่าจะไม่ต่ำกว่า 14% บริกซ์ จัดเป็นฝรั่งที่มีรสชาติอร่อยอีกพันธุ์หนึ่ง คาดว่าในอนาคตฝรั่งพันธุ์นี้
อาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการปลูกฝรั่งไทยในอนาคต
สภาพดินปลูกฝรั่งพันธุ์นี้จะต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำที่ดีและมีอินทรียวัตถุสูง
เป็นที่สังเกตว่าเกษตรกรไต้หวันได้มีการนำกากอ้อยมาใช้เป็นปุ๋ยหมักในการปรับโครงสร้างของดิน
และที่เน้นเป็นพิเศษคือจะต้องมีการตรวจเช็กค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน
ระยะการปลูกสำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่ปลูกมากและต้องมีการใช้เครื่องจักรเข้าไปทำงานในแปลงจะใช้ระยะปลูก 4x4 เมตร หรือ 6x6 เมตร
มีคำแนะนำเพิ่มเติมว่าการใช้ระยะปลูกที่ห่างพอสมควรมีส่วนช่วยในเรื่องของระบบการถ่ายเทอากาศที่ดีมีส่วนช่วยลดปัญหาโรคและแมลงได้
ลักษณะของผลฝรั่ง ที่มีคุณภาพดีและเป็นที่ต้องการของตลาดผลฝรั่งจะต้องมีสีผิวขาวนวลเนื้อละเอียดรสชาติหวานกรอบและไม่แข็ง.
| 
โพสต์ 2014-8-28 08:16:02
